บ้านทาวน์เฮ้าส์เป็นที่อยู่อาศัยยอดนิยมของคนเมือง ด้วยขนาดกะทัดรัด ราคาไม่สูงเกินไป และมีทำเลที่สะดวกสบาย แต่หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านหลายคนพบเจอคือ บ้านทาวน์เฮ้าส์ทรุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นทรุด ผนังแตกร้าว หรือเสาเอียง ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจสร้างความเสียหายทั้งด้านโครงสร้างและความปลอดภัย
ดินอ่อนและการรับน้ำหนักไม่เพียงพอ – พื้นที่ก่อสร้างหลายแห่งมีชั้นดินอ่อน ทำให้เสาเข็มรับน้ำหนักบ้านไม่สมดุล จนเกิดการทรุดตัว
การต่อเติมโดยไม่ได้เสริมฐานราก – เจ้าของบ้านจำนวนมากนิยมต่อเติมครัว ห้องเก็บของ หรือระเบียงหลังบ้าน แต่หากไม่ได้ลงเสาเข็มแยก อาจทำให้ส่วนต่อเติมทรุดเร็วกว่าตัวบ้านหลัก
น้ำท่วมและความชื้นสะสม – ดินรอบบ้านที่ชุ่มน้ำบ่อย ๆ จะอ่อนตัว จนโครงสร้างบ้านเกิดการเคลื่อนตัว
อายุการใช้งาน – บ้านที่สร้างมานานเกิน 10–20 ปี มักเริ่มแสดงอาการทรุดหรือแตกร้าวตามธรรมชาติของโครงสร้าง
พื้นบ้านเอียงหรือยุบต่ำกว่าปกติ
ผนังมีรอยร้าวทะแยง มุมวงกบประตู–หน้าต่างเบี้ยว
ประตู–หน้าต่างปิดไม่สนิท
ส่วนต่อเติม เช่น ครัวหรือโรงจอดรถ แยกตัวออกจากบ้าน
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบหาผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยด่วน
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีซ่อมบ้านทรุดหลายวิธี เช่น
การฉีดสารอัดดิน (Grouting) เพื่อเสริมความแข็งแรงและยกพื้นให้กลับสู่ระดับที่เหมาะสม
การตอกเสาเข็มไมโครไพล์ สำหรับบ้านที่ทรุดหนัก เพื่อเสริมฐานรากให้มั่นคง
การดีดบ้านหรือยกโครงสร้าง ใช้ในกรณีที่ตัวบ้านเอียงอย่างเห็นได้ชัด
การเลือกวิธีซ่อมขึ้นอยู่กับสภาพความเสียหายและงบประมาณ จึงควรให้วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญประเมินก่อนตัดสินใจ
หลีกเลี่ยงการต่อเติมโดยไม่ลงเสาเข็มแยก
ดูแลระบบระบายน้ำรอบบ้าน ไม่ให้มีน้ำท่วมขัง
ตรวจสอบรอยร้าวหรือการทรุดตัวเป็นประจำ
หากบ้านมีอายุมาก ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจเช็กทุก 3–5 ปี
บ้านทาวน์เฮ้าส์ทรุด เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว หากละเลยอาจกระทบทั้งความปลอดภัยและมูลค่าของบ้าน การรู้จักสาเหตุ วิธีแก้ไข และการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้บ้านของคุณแข็งแรงและน่าอยู่ไปได้อีกนาน https://shorturl.asia/sIRa2