บ้านทาวน์เฮ้าส์เป็นตัวเลือกยอดนิยมของครอบครัวไทยในเมือง ด้วยราคาที่จับต้องได้และการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า แต่ปัญหาหนึ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนพบเจอ คือ “บ้านทาวน์เฮ้าส์ทรุด” ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้จะเป็นบ้านใหม่หรือเพิ่งเข้าอยู่อาศัยไม่นาน ปัญหานี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
สภาพดินไม่แน่น
ดินที่มีความอ่อนนุ่มหรือมีการถมดินโดยไม่ผ่านการบดอัดอย่างเหมาะสม มักเป็นสาเหตุหลักของการทรุดตัวของบ้าน โดยเฉพาะในโครงการที่รีบก่อสร้างเพื่อลดต้นทุน
เสาเข็มสั้นเกินไป
หากใช้เสาเข็มที่ไม่ได้ลึกถึงชั้นดินแข็ง จะทำให้บ้านไม่มีฐานรองรับที่มั่นคง เมื่อเวลาผ่านไป น้ำหนักของบ้านจะกดให้เสาเข็มทรุดตัวลง
การใช้งานผิดประเภท
เช่น ต่อเติมหลังบ้าน หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมโดยไม่คำนวณน้ำหนัก อาจทำให้โครงสร้างเดิมรับภาระเกินกำลัง
น้ำรั่วหรือความชื้นใต้ดิน
น้ำที่รั่วซึมหรือท่วมขังใต้ดินในระยะยาว จะทำให้ดินรอบฐานรากอ่อนตัว ส่งผลให้บ้านทรุดได้
ผนังร้าว โดยเฉพาะบริเวณมุมประตู หน้าต่าง หรือผนังระหว่างบ้าน
พื้นบ้านเอียง หรือมีความรู้สึกไม่เรียบเมื่อเดิน
ประตูหรือหน้าต่างปิดไม่สนิท หรือเบี้ยวผิดรูป
รอยแยกระหว่างบ้านของตัวเองกับบ้านข้างเคียง
ตรวจสอบโครงสร้างก่อนซื้อ
หากซื้อบ้านจากโครงการ ควรขอดูเอกสารการก่อสร้าง เช่น ความยาวเสาเข็ม รายงานผลการตรวจสอบดิน
หลีกเลี่ยงการต่อเติมโดยไม่ปรึกษาวิศวกร
ควรมีการประเมินโครงสร้างก่อนทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักเกินกำลังรับของโครงสร้างเดิม
บำรุงรักษาบ้านเป็นประจำ
ตรวจสอบท่อน้ำ รอยรั่ว และระบบระบายน้ำรอบบ้าน เพื่อป้องกันความชื้นสะสม
หากพบว่าบ้านเริ่มมีอาการทรุด ควรรีบติดต่อวิศวกรโครงสร้างเพื่อประเมินระดับความเสียหาย การซ่อมแซมอาจใช้วิธี อัดฉีดโพลีกริเมอร์ (Polymer Injection) เพื่อยกพื้น หรือ เสริมฐานราก ด้วยการตอกเสาเข็มเพิ่ม ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สรุป บ้านทาวน์เฮ้าส์ทรุดไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาโครงสร้างร้ายแรง หากคุณกำลังมองหาบ้านหรืออาศัยอยู่ในทาวน์เฮ้าส์อยู่แล้ว การรู้เท่าทันสาเหตุและวิธีป้องกัน คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาทรัพย์สินและความปลอดภัยในระยะยาว https://shorturl.asia/sIRa2