โครงสร้างร้าว เป็นหนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านหรืออาคารหลายคนกังวลมากที่สุด เพราะไม่เพียงแค่สร้างความไม่สวยงามให้กับตัวอาคาร แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ลึกกว่านั้น เช่น การทรุดตัวของฐานราก หรือการออกแบบที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นอาคารพังถล่มได้
การทรุดตัวของฐานราก
พื้นดินที่ไม่แน่น หรือไม่ได้รับการปรับปรุงก่อนก่อสร้าง อาจทำให้เกิดการทรุดตัวไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างรับแรงไม่สมดุลและเกิดรอยร้าว
วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
การเลือกใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ปูนไม่แข็งแรง เหล็กเสริมขนาดไม่พอ หรือไม้แบบไม่ตรงตามสเปก ก็อาจทำให้โครงสร้างไม่ทนทานและแตกร้าวได้
ออกแบบโครงสร้างผิดพลาด
การออกแบบโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง หรือไม่มีวิศวกรควบคุม อาจทำให้โครงสร้างรับน้ำหนักเกินจนเกิดรอยร้าวในระยะยาว
แรงกระแทกหรือแผ่นดินไหว
อาคารที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น พื้นที่ดินอ่อนหรือใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว มักเกิดรอยร้าวจากแรงสั่นสะเทือนที่เกินความสามารถของโครงสร้าง
รอยร้าวเล็ก (Hairline cracks)
มักพบที่ผิวปูนฉาบหรือพื้นผิวทั่วไป ไม่ลึกถึงโครงสร้าง ส่วนใหญ่ไม่อันตราย แต่ควรสังเกตว่าขยายตัวหรือไม่
รอยร้าวเฉียงบริเวณเสา คาน
เป็นสัญญาณที่ควรระวัง อาจเกิดจากการทรุดตัวหรือแรงเฉือน ควรปรึกษาวิศวกรทันที
รอยร้าวแนวตรงหรือขวางเต็มคาน/ผนัง
อาจเกิดจากแรงดึงหรือแรงกดที่เกินกว่าการออกแบบ ควรตรวจสอบโดยด่วน
ตรวจสอบโดยวิศวกร
เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของรอยร้าว และหาสาเหตุที่แท้จริง
ซ่อมด้วยวัสดุเฉพาะทาง
เช่น การอัดน้ำยาซีเมนต์ (Grouting) หรืออีพ็อกซี่ เพื่อประสานรอยร้าวไม่ให้ขยายตัว
เสริมความแข็งแรงโครงสร้าง
เช่น การติดตั้งเหล็กเสริมภายนอก (Jacketing) หรือเพิ่มเสา/คานใหม่ในจุดที่รับน้ำหนักมาก
ปัญหาโครงสร้างร้าว ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภัยร้ายแรง หากพบรอยร้าวที่ผิดปกติควรรีบให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบทันที การซ่อมแซมที่ถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยยืดอายุอาคาร และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืน https://shorturl.asia/sIRa2