ต่อเติมแล้วทรุด ปัญหาที่เจ้าของบ้านไม่ควรมองข้าม พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกวิธี
การต่อเติมบ้านเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนเลือกทำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เพียงพอต่อการอยู่อาศัย เช่น ต่อเติมครัว ห้องซักล้าง หรือโรงจอดรถ แต่สิ่งที่มักตามมาหลังจากนั้นคือ “บ้านทรุด” หรือ “พื้นทรุด” โดยเฉพาะบริเวณที่ต่อเติมใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูเสียความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างอีกด้วย
สาเหตุของปัญหาต่อเติมแล้วทรุด
ฐานรากไม่เท่ากัน – ส่วนที่สร้างใหม่มักไม่ได้วางเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านหลัก ทำให้เกิดการทรุดตัวเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในพื้นที่ดินอ่อน เช่น กรุงเทพฯ และปทุมธานี
การรับน้ำหนักไม่สมดุล – หากต่อเติมโดยไม่ได้คำนวณโครงสร้างให้เหมาะสม พื้นหรือคานอาจรับน้ำหนักเกิน ทำให้แตกร้าวและทรุดลงในที่สุด
การถมดินไม่แน่นพอ – บางกรณีเจ้าของบ้านต่อเติมบนพื้นที่ถมใหม่ โดยไม่ได้รอให้ดินเซ็ตตัวเต็มที่ ส่งผลให้ดินยุบตัวและเกิดการทรุดหลังใช้งานเพียงไม่นาน
การต่อเชื่อมผิดวิธี – หากเชื่อมพื้นใหม่เข้ากับโครงสร้างเดิมโดยตรง จะทำให้แรงสั่นสะเทือนและน้ำหนักจากบ้านหลักส่งต่อมายังส่วนต่อเติม ทำให้ทรุดเร็วกว่าปกติ
สัญญาณเตือนว่าบ้านต่อเติมกำลังทรุด
พื้นบ้านหรือพื้นครัวเริ่มแอ่นหรือเอียง
ผนังแตกร้าวตามแนวพื้นหรือมุมห้อง
ประตูหน้าต่างปิดไม่สนิท
รอยแยกเกิดขึ้นระหว่างบ้านหลักกับส่วนต่อเติม
แนวทางแก้ไขปัญหาต่อเติมแล้วทรุด
ปัญหานี้ไม่ควรแก้ด้วยการปิดรอยร้าวเพียงอย่างเดียว เพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ วิธีที่ถูกต้องคือการตรวจสอบระดับการทรุดของพื้นและเสาเข็มโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วใช้เทคนิค ยกปรับระดับพื้น (Slab Jacking) หรือ การอัดฉีดน้ำยาเรซิน (Injection Resin) เพื่อยกพื้นกลับสู่ระดับเดิมโดยไม่ต้องทุบรื้อโครงสร้าง ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
สรุป
การต่อเติมบ้านให้ปลอดภัยและไม่ทรุด ควรเริ่มตั้งแต่การวางแผน คำนวณโครงสร้าง และเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม ที่สำคัญคือควรใช้บริการช่างผู้เชี่ยวชาญด้านงานแก้บ้านทรุดโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่สูงในอนาคต หากบ้านของคุณมีปัญหาต่อเติมแล้วทรุด ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของบ้านทั้งหลังในระยะยาว
https://shorturl.asia/sIRa2