การก่อสร้างกุฎิในวัดหรือสำนักสงฆ์ มักต้องการความมั่นคงแข็งแรงเพื่อให้พระภิกษุได้อยู่อาศัยอย่างปลอดภัย แต่ด้วยสภาพดินในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตดินอ่อน ดินถมใหม่ หรือพื้นที่ริมน้ำ มักทำให้กุฎิเกิดปัญหาทรุดเอียงหรือแตกร้าว การ ดีดกุฎิ จึงเป็นวิธีแก้ไขที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถยกตัวอาคารทั้งหลังขึ้นมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมเสริมฐานรากให้แข็งแรงโดยไม่ต้องรื้อถอนใหม่ทั้งหมด
สาเหตุหลักของการทรุดเอียง มักเกิดจากการที่ดินฐานรากไม่แข็งแรง น้ำใต้ดินพัดพาเม็ดดินออกไป หรือเกิดจากการต่อเติมโดยไม่ได้เสริมโครงสร้างรองรับ การปล่อยไว้โดยไม่แก้ไขอาจทำให้กุฎิเสี่ยงพังทลาย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและเป็นอันตรายต่อผู้พักอาศัย การ ดีดกุฎิ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคาร และยังคงสภาพเดิมไว้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเหมือนการสร้างใหม่
การดีดกุฎิจำเป็นต้องอาศัยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนดังนี้
สำรวจสภาพอาคารและดินฐานราก – เพื่อประเมินแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
ติดตั้งแม่แรงและโครงสร้างรองรับ – เพื่อค้ำยันและยกตัวกุฎิขึ้นอย่างช้า ๆ โดยไม่ให้เกิดรอยร้าวเพิ่มเติม
ปรับระดับกุฎิ – ยกตัวอาคารให้อยู่ในแนวที่ได้ระดับตามมาตรฐาน
เสริมฐานรากใหม่ – ใช้เข็มไมโครไพล์หรือวัสดุอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการทรุดซ้ำในอนาคต
ประหยัดกว่าการสร้างใหม่
รักษาโครงสร้างและรูปแบบดั้งเดิมของกุฎิ
ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการพังทลาย
สามารถปรับปรุงฐานรากให้แข็งแรงรองรับการใช้งานระยะยาว
การดีดกุฎิเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญสูง จึงควรเลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ มีผลงานอ้างอิงชัดเจน และใช้วัสดุอุปกรณ์ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า
สรุป การ ดีดกุฎิ เป็นวิธีซ่อมแซมกุฎิที่ทรุดเอียงให้กลับมาแข็งแรงและปลอดภัยโดยไม่ต้องทุบทิ้งสร้างใหม่ หากวัดหรือสำนักสงฆ์ใดพบปัญหานี้ ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานดีดอาคาร เพื่อแก้ไขอย่างถูกวิธีและยืดอายุการใช้งานกุฎิไปได้อีกหลายสิบปี https://shorturl.asia/sIRa2